BANNER

สถาบันอาเซียนเพื่อสันติภาพและความสมานฉันท์ และสหประชาติเป็นประธานร่วมจัดการประชุม เชิงปฏิบัติการว่าด้วยการจัดการและการแก้ไขความขัดแย้ง


 ข่าวต่างประเทศ      10 Dec 2018

  


          สถาบันอาเซียนเพื่อสันติภาพและความสมานฉันท์  (ASEAN Institute for Peace and Reconciliation) และทบวงกิจการการเมืองสหประชาชาติ (United Nations Department of Political Affairs) ร่วมจัดสัมมนาเชิงปฏิบัติการเกี่ยวกับการจัดการและแก้ไขความขัดแย้งในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ณ กรุงจาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซีย ระหว่างวันที่ ๕  - ๗ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๑
          ผู้เข้าร่วมประชุมจำนวนกว่า ๕๐ คนจากประเทศสมาชิกอาเซียน ประกอบด้วย เจ้าหน้าที่จากรัฐบาล เจ้าหน้าที่จากกองทัพ และตัวแทนจากภาคเอกชนเข้าร่วมการประชุมเชิงปฏิบัติการของสถาบันอาเซียนเพื่อสันติภาพและความสมานฉันท์ และทบวงกิจการการเมืองสหประชาชาติว่าด้วยด้วยมุมมองของอาเซียนในการจัดการและการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งในภูมิภาค โดยเป็นการประชุมร่วมกับคณะบุคคลจากในระดับภูมิภาคและระดับนานาชาติ
          การประชุมครั้งนี้อยู่ภายใต้กรอบของพิมพ์เขียวประชาคมการเมืองและความมั่นคงอาเซียน (ASEAN Political-Security Community Blueprint 2025) แผนการปฏิบัติงานสถาบันอาเซียนเพื่อสันติภาพและความสมานฉันท์ระยะ ๓ ปี (พ.ศ. ๒๕๖๑ – ๒๕๖๓) (ASEAN-IPR Three-Year Work Plan 2018-2020) และแผนเชิงปฏิบัติการอาเซียนและสหประชาชาติ พ.ศ. ๒๕๕๙ – ๒๕๖๓ (ASEAN-UN Plan of Action 2016-2020) การประชุมเชิงปฏิบัติการมีวัตถุประสงค์เพื่อเน้นย้ำถึงแนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดและการเรียนรู้บทเรียนจากรัฐบาลของอาเซียน ภาคประชาสังคม และผู้มีส่วนได้เสีย  นอกจากนี้ ภายใต้การประชุมดังกล่าวได้มุ่งเน้นประเด็นสำคัญระดับโลกและมุมมองต่าง ๆ ตลอดจนกล่าวถึงตัวอย่างที่เกิดขึ้นในภูมิภาคอื่นเพื่อเปรียบเทียบกันในประเด็นสำคัญ
          ในการนี้ นาย Rezlan Ishar Jenie ผู้อำนวยการสถาบันอาเซียนเพื่อสันติภาพและความสมานฉันท์เน้นย้ำประสบการณ์ในทางปฏิบัติและความเชี่ยวชาญด้านเทคนิคในภูมิภาค ซึ่งส่วนใหญ่ยังไม่เป็นไปในทิศทางเดียวกัน  ดังนั้น เพื่อให้การดำเนินการสอดคล้องกับสถาบันสถาบันอาเซียนเพื่อสันติภาพและความสมานฉันท์จึงได้จัดให้มีเวทีแลกเปลี่ยนความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับกระบวนการเพื่อสันติภาพในภูมิภาค  นอกจากนี้ นาย AKP Mochtan รองเลขาธิการอาเซียนฝ่ายกิจการประชาคมและองค์กรกล่าวว่าการหลีกเลี่ยงหรือการป้องกันความขัดแย้งในภูมิภาคเป็นหัวใจสำคัญของการดำเนินงานของอาเซียนและในโอกาสหน้ามุ่งหวังให้สถาบันอาเซียนเพื่อสันติภาพและความสมานฉันท์ และหน่วยงานภายใต้สหประชาชาติมีการแลกเปลี่ยนความรู้และประสบการณ์เพื่อแสวงหาแนวทางร่วมกันต่อไป
          นอกจากนี้ นาง Anita Nirody ผู้ประสานงานในภูมิภาคประจำสหประชาชาติกล่าวว่า การประชุมร่วมกันในวันนี้เป็นตัวอย่างที่ดีของการร่วมมือกันระหว่างองค์กรในระดับภูมิภาคกับสหประชาชาติ และองค์กรระหว่างประเทศเพื่อมุ่งไปสู่เป้าหมายการส่งเสริมสันติภาพและเสถียรภาพผ่านการป้องกันความขัดแย้ง
          ในระหว่างการประชุม ผู้เข้าร่วมประชุมได้มีการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและแบ่งปันประสบการณ์ รวมถึงแนวโน้มประสบการณ์ในเรื่องของการจัดการและการแก้ไขปัญหาความขัดแย้ง ตลอดจนการแลกเปลี่ยนมุมมองเรื่องความมั่นคงของมนุษย์และเพศ โดยการหารือและการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นครั้งนี้ได้มุ่งเน้นที่การระงับความรุนแรงด้วยการสร้างสันติภาพผ่านแนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดและบทเรียนที่ได้จากประสบการณ์ที่เกิดขึ้นจากเหตุการณ์ในอินโดนีเซีย เมียนมา และฟิลิปปินส์
          นอกจากนี้ นาย Marty Natalegawa สมาชิกที่ปรึกษาระดับสูงของสหประชาชาติกล่าวย้ำถึงความสำคัญของสถาบันอาเซียนเพื่อสันติภาพและความสมานฉันท์ โดยชี้ว่าเป็นเครื่องมือที่สำคัญที่สุดในอาเซียนที่จะช่วยจัดการและแก้ไขปัญหาความขัดแย้ง รวมทั้งแสดงความเชื่อมั่นว่าสถาบันอาเซียนอาจมีบทบาทมากขึ้นในการให้คำแนะนำแก่ประเทศสมาชิก ตลอดจนเป็นศูนย์รวมความเชี่ยวชาญด้านสันติภาพ การจัดการและแก้ไขปัญหาความขัดแย้ง
          ในตอนท้ายของการประชุม นาย Darmp Sukontasap ตัวแทนจากประเทศไทยและประธานที่ปรึกษาสถาบันอาเซียนเพื่อสันติภาพและความสมานฉันท์กล่าวปิดการประชุม โดยคาดหวังว่าผู้เข้าร่วมประชุมครั้งนี้จะได้แนวคิดและแนวทางการดำเนินงานที่ชัดเจนมากยิ่งขึ้นในการจัดการและแก้ไขปัญหาความขัดแย้งในภูมิภาค
          การประชุมเชิงปฏิบัติการครั้งนี้เป็นความริเริ่มครั้งแรกของสถาบันอาเซียนเพื่อสันติภาพและความสมานฉันท์นับตั้งแต่มีการดำเนินงานในปี พ.ศ. ๒๕๖๐ โดยสถาบันจะจัดการประชุมเชิงวิชาการเรื่องเกี่ยวกับสตรีในอาเซียนเพื่อสันติภาพในช่วงปลายเดือนธันวาคม ณ เมืองเซบู ประเทศฟิลิปปินส์

สรุปความจาก: https://asean.org/asean-ipr-un-host-workshop-conflict-management-resolution/

© 2016 Office of the Council of State.