หน้าแรก
เกี่ยวกับเรา
แนะนำอาเซียน
กิจกรรม
ข่าวสาร
ข่าวในประเทศ
ข่าวต่างประเทศ
ความตกลง
APSC
AEC
ASCC
ASEAN PLUS
บทความ
ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน
ประชาคมการเมืองและความมั่นคงอาเซียน
ประชาคมสังคมและวัฒนธรรรมอาเซียน
บทความวิชาการ
งานวิจัย
กฎหมายน่ารู้
ติดต่อเรา
ผู้เชี่ยวชาญด้านสาธารณสุขอาเซียนแลกเปลี่ยนนโยบายของรัฐบาลในการแก้ปัญหาการแพร่ระบาดของ COVID - ๑๙
ข่าวต่างประเทศ
25 May 2020
เมื่อวันที่ ๑๙ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๖๓ ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ เครือข่ายศูนย์ปฏิบัติการในภาวะฉุกเฉินของอาเซียนด้านการสาธารณสุข (
ASEAN Emergency Operations Centre Network for Public Health Emergencies) เป็นเจ้าภาพจัดการประชุมทางไกลระหว่างเจ้าหน้าที่ด้านการสาธารณสุขของประเทศสมาชิกอาเซียนในประเด็นที่มุ่งเน้นนโยบายสำคัญของรัฐบาลในการดำเนินการควบคุม บรรเทา และรับมือกับการแพร่ระบาดของ COVID - ๑๙
เจ้าหน้าที่จากประเทศไทย และเวียดนามได้กล่าวถึงนโยบาย ยุทธศาสตร์ และมาตรการที่ดำเนินการโดยรัฐบาลเพื่อรับมือกับการแพร่ระบาดของ
COVID - ๑๙ รวมถึงความท้าทาย และข้อกังวลที่เกิดขึ้นสำหรับการดำเนินงานในระยะต่อไป
ประเทศไทยเป็นประเทศแรกที่รายงานผู้ป่วยติดเชื้อนอกประเทศจีน มีจำนวนผู้ป่วยยืนยัน ๓
,๐๓๑ ราย และมีผู้เสียชีวิต ๕๖ ราย ซึ่งได้พบการแพร่ระบาดอย่างรุนแรงในช่วงเดือนมีนาคมและเมษายน ต่อมาตั้งแต่วันที่ ๕ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๖๓ พบผู้ป่วยยืนยันรายใหม่จำนวนน้อยกว่า ๑๐ รายต่อวัน
นายแพทย์โสภณ เอี่ยมศิริถาวร ผู้บัญชาการศูนย์ปฏิบัติการภาวะฉุกเฉิน กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุขประเทศไทย กล่าวว่านอกจากมาตรการด้านสาธารณสุขที่ประเทศไทยได้ดำเนินงานไปในช่วงเดือนมกราคมนั้น ประเทศไทยยังได้ดำเนินมาตรการกักกันในประเทศตั้งแต่ช่วงต้นเดือนเมษายน หลังจากที่นายกรัฐมนตรีได้ประกาศภาวะฉุกเฉินเมื่อปลายเดือนมีนาคม โดยมีข้อสั่งการให้ปิดโรงเรียนทุกแห่งเป็นการชั่วคราว ห้ามการชุมนุม และกิจกรรมทางธุรกิจที่ไม่สำคัญจำเป็น ห้ามอากาศยานบินเข้าประเทศไทย ห้ามและจำกัดการเดินทางของประชาชนข้ามจังหวัด และห้ามประชาชนออกจากบ้านในช่วงเวลาระหว่าง ๒๓.๐๐ น.ถึง ๐๔.๐๐ น. รวมถึงได้จัดให้มีมาตรการตรวจคัดแยกและจัดพื้นที่กักกันบริเวณพื้นที่โรงแรมในประเทศ
ขณะที่เวียดนาม ตั้งแต่ช่วงเริ่มต้นการแพร่ระบาด พบผู้ป่วยยืนยัน ๓๒๔ ราย ยังไม่มีรายงานผู้เสียชีวิต และไม่พบผู้ป่วยยืนยันรายใหม่ในช่วง ๓๒ วันที่ผ่านมา
Dr. Dang Quang Tan อธิบดีฝ่ายเวชภัณฑ์ป้องกัน กระทรวงสาธารณสุขเวียดนาม กล่าวว่าเวียดนามได้เริ่มดำเนินการป้องกันการแพร่ระบาดตั้งแต่ต้นเดือนมกราคม พ.ศ. ๒๕๖๓ เนื่องด้วยความกังวลเกี่ยวกับข้อจำกัดของทรัพยากรในประเทศ และจำนวนประชากรเวียดนามมีความหนาแน่นของสูง รวมทั้งมีพื้นที่ชายแดนติดต่อกับประเทศที่มีการระบาดของโรค โดยเวียดนามได้มีแผนการดำเนินงานระดับชาติ จัดตั้งคณะกรรมการทุกระดับประกอบด้วยหลายภาคส่วน และมียุทธศาสตร์การป้องกันสี่ด้าน ซึ่งเป็นการล้อมรั้วตรวจหาเพื่อชะลอการแพร่ระบาดในชุมชน การรักษาผู้ป่วยยืนยันทุกราย และการสื่อสารเกี่ยวกับการแพร่ระบาดอย่างต่อเนื่อง และได้กล่าวเพิ่มเติมว่าเวียดนามได้เพิ่มมาตรการเฝ้าระวังชั่วคราวโดยมีข้อจำกัดสำหรับเที่ยวบินภายในประเทศและระหว่างประเทศ และปรับปรุงมาตรการเฝ้าระวังโดยการขยายคำจำกัดความของผู้ต้องสงสัยที่ป่วยเป็นโรคโควิด - ๑๙ ดำเนินการติดตามกลุ่มผู้สัมผัส ตลอดจนให้ความสำคัญกับการมีส่วนร่วมของชุมชนและรัฐบาลอย่างเข้มแข็ง
ผู้เข้าร่วมประชุมได้กล่าวถึงเกณฑ์ในการปล่อยตัวผู้ติดเชื้อ และมาตรการในการแก้ปัญหาการติดเชื้อซ้ำการคัดกรอง/ตรวจสอบ รวมถึงการจัดการเฝ้าระวังกรณีผู้ไม่แสดงอาการ มาตรการควบคุมการแพร่ระบาดในชุมชน และการผ่อนคลายมาตรการกักกันในประเทศสมาชิกอาเซียน
นายแพทย์โสภณ เอี่ยมศิริถาวร กล่าวว่าประเทศไทยได้พิจารณาให้เปิดการดำเนินกิจกรรมทางธุรกิจโดยแบ่งออกเป็นระยะ เริ่มตั้งแต่ ๓ พฤษภาคม ซึ่งจัดประเภทของธุรกิจที่สามารถเปิดได้ในช่วงระยะเวลาที่กำหนด และจำกัดเวลาเปิด - ปิดกิจการตามมาตรการที่รัฐบาลกำหนด ขณะเดียวกันเวียดนามได้เตรียมแผนบรรเทาผลกระทบระยะยาวระดับประเทศที่เกี่ยวข้องกับการแพร่ระบาดของ
COVID - ๑๙
การประชุมทางไกลดังกล่าว ได้รับการสนับสนุนจากเครือข่ายการฝึกอบรมการระบาดวิทยาของอาเซียนบวกสาม (
ASEAN Plus Three Field Epidemiology Training Network (ASEAN+3 FETN)) โดยความมุ่งมั่นของเครือข่ายศูนย์ปฏิบัติการในภาวะฉุกเฉินของอาเซียน (ASEAN Emergency Operations Centre Network) และอาเซียน +3 FETN ที่ให้ความสำคัญกับการดำเนินการส่งเสริมการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสาร การรายงานสถานะล่าสุด ตลอดจนการแลกเปลี่ยนบทเรียนที่ได้รับจากการมาตรการป้องกัน COVID - ๑๙ อย่างต่อเนื่อง
ข่าว ณ วันที่ ๑๙ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๖๓ สำนักเลขาธิการอาเซียน
https://asean.org/asean-health-experts-share-government-policies-tackling-covid-19-pandemic/
© 2016 Office of the Council of State.